ดนตรีสวรรค์เพื่อการพัฒนา
จักระและพลังสมาธิระดับสูง
แนวทางใหม่แห่งการพัฒนาศักยภาพมนุษย์
เหมาะสำหรับนักพลังจักรวาลทุกระดับ
และผู้ต้องการพัฒนาพลังจิตระดับสูง
อาจารย์อริยะ สุพรรณเภษัช
นักพลังจักรวาลระดับ 7 พิเศษ
บทที่ 1
คลื่นเสียง คือ คลื่นความดันที่เคลื่อนที่ไปในอากาศ และมีคุณสมบัติเป็นคลื่นตามยาว การเคลื่อนที่ของเสียงไปในอากาศเคลื่อนที่ได้โดยที่อากาศไม่ได้เคลื่อนที่ตามไปด้วย อากาศเพียงแต่สั่นไปมาเมื่อมีเสียงเดินทางผ่านไปเท่านั้นเสียงอาจเคลื่อนที่ไปในของเหลว เช่น น้ำ หรือของแข็ง เช่น เหล็ก ได้เช่นเดียวกับเมื่อเคลื่อนที่ไปในอากาศ คลื่นเสียงเคลื่อนที่ไปในเหล็กได้เร็วกว่าเคลื่อนที่ไปในอากาศถึงสิบห้าเท่า และเคลื่อนที่ไปในน้ำเร็วกว่าเคลื่อนที่ในอากาศสี่เท่า
คลื่นเสียงแบ่งออกได้เป็นสองชนิด คือ คลื่นเสียงธรรมดา และ คลื่นเสียงรบกวน
คลื่นเสียงธรรมดาเป็นคลื่นเสียงที่มีความยาวคลื่นเป็นระเบียบจึงทำให้รื่นหูผู้ฟัง หรือเสียงที่เราต้องการสื่อสารกัน แต่คลื่นเสียงรบกวนทำให้เราเดือดร้อนรำคาญ เช่น เมื่อโยนหนังสือลงบนพื้นขณะที่หนังสือตกก ระทบพื้น จะทำให้อากาศสั่นสะเทือนอย่างไม่เป็นระเบียบ ทำให้ตกใจหรือดังเกินไป จนเรารู้สึกไม่ชอบ คลื่นเสียงรบกวนอาจเป็นเสียงดังหรือเสียงค่อยก็ได้ เสียงพลุเป็นเสียงรบกวนชนิดเสียงดัง ส่วนเสียงน้ำหยดดังติ๋ง ๆ จากก๊อกเป็นเสียงรบกวนชนิดค่อย ซึ่งแม้จะค่อยมากแต่ก็อาจทำให้เราเดือดร้อนรำคาญได้มากเช่นกัน
คลื่นเสียงเป็นคลื่นตามยาว เกิดจากการสั่นของวัตถุ มนุษย์ได้ยินเสียงในคลื่นความถี่ 20-20,000 Hz เสียงที่ต่ำกว่า 20 Hz เรียกว่า คลื่นเสียงอินฟราโซนิก และคลื่นเสียงที่มีความถี่สูงกว่า 20,000 Hz เรียกว่า คลื่นเสียงอุลตราโซนิก เรารับฟังไม่ได้
คลื่นเสียงในอากาศเป็นคลื่นตามยาวกล่าวคือ อนุภาคของอากาศที่กระจายคลื่นจะสั่นในทิศทางที่คลื่นเคลื่อนไป ต่างไปจากคลื่นแสง คลื่นความร้อน คลื่นวิทยุ หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอื่น ๆ ที่กระจายออกสู่อากาศตรงที่คลื่นเหล่านี้เป็นคลื่นตามขวาง เพราะสนาม ไฟฟ้าและสนามแม่เหล็กในคลื่นสั่นในทิศตั้งฉากกับทิศของคลื่นเอง
คลื่นเสียงกับดนตรี
เราพบว่าดนตรีเกิดขึ้นจากการประสานเรียงร้อยของคลื่นเสียงอาจมาจากแหล่งกำเนิดคลื่นแหล่งเดียวหรือหลายแหล่งกำเนิดก็ได้มาผสมผสานกัน เราพบว่าคลื่นเสียงจากกลุ่มดนตรีต่างกันก็มีอิทธิพลต่อมนุษย์ที่แตกต่างกัน โดยคลื่นเสียงจากดนตรีจะไปกระตุ้นการทำงานของสมองส่วนนีโอคอร์เทกซ์ ระบบประสาทอัตโนมัติในสมองส่วนLimbic system และBrain stemทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย,จิตใจ และอารมณ์ ดังนี้
ด้านร่างกาย/ระบบสรีรวิทยา คลื่นเสียงจากดนตรีจะเปลี่ยนแปลง อัตราการเต
ของหัวใจ,ความดันโลหิต,การไหลเวียนของโลหิต(ระบบประสาทอัตโนมัติ ระบบซิมพาเท
ติก/ระบบพาราซพาเทติก) ,การตอบสนองทางม่านตา( ออกซิพิตัลโลบ/สมองส่วนกลาง)
และความตึงตัวของกล้ามเนื้อ (พาไรทัลโลป)จิตใจ มีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ สติ
ความนึกคิด เช่น ระดับเสียงสูง ส่งเสริมให้เกิดความตึงเครียด(ระบบซิมพาเทติก )ระดับ
เสียงต่ำ ส่งเสริมให้เกิดความผ่อนคลาย(ระบพาราซิมพาเทติก) จังหวะเร็ว กระตุ้นให้
อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น (ระบบซิมพาเทติก ) ความดัง กระตุ้นให้ตื่นตัว(ระบบซิม
พาเทติก )อารมณ์ ดนตรีจะกระตุ้นสภาวะทางอารมณ์ บันดาลให้เกิดความรู้สึกพึงพอใจ
(นีโอคอร์เทกซ์) จังหวะลีลาและท่วงทำนองประสานเสียงและความรู้สึกทางดนตรี จะเป็น
ตัวกำหนดวิธีการตอบสนองของอารมณ์และจิตใจ (นีโอคอร์เทกซ์)
ตัวอย่างเช่น คลื่นเสียงจากกลุ่มดนตรีฮาร์ดร๊อค ทำให้เราเกิดหัวใจเต้นแรง กระตุ้นร่างกายให้เกิดการเคลื่อนไหว ส่วนคลื่นเสียงจากกลุ่มดนตรีเสียงธรรมชาติ จะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย,อยากพักผ่อน และจิตใจสงบลง คลื่นเสียงจากดนตรีบางประเภทเช่นดนตรีพัฒนาคลื่นสมอง จะช่วยทำให้ความถี่ของคลื่นสมองลดลง ความดันโลหิตลดลง หัวใจเต้นช้าลง มีสมาธิเพิ่มมากขึ้น เป็นต้น ฉะนั้นการที่ดนตรีที่ต่างกันก็จะให้คลื่นเสียงออกมาที่ต่างกันซึ่งให้ผลกระทบต่อร่างกาย,อารมณ์และจิตใจที่ต่างกัน จึงควรให้ความสำคัญในการเลือกรับฟังดนตรีในชีวิตประจำวันเป็นอย่างยิ่ง
บทที่ 2
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับจักระ (Chakra )
. ศาสตร์ทางโยคะกล่าวว่า ร่างกายของมนุษย์มีจุดสำคัญ 7 จุด ที่เรียกว่าจักระ(Chakra) ซึ่งเป็นทึ่ตั้งของศูนย์ประสาทใหญ่และต่อมไร้ท่อที่สำคัญ เมื่อจักระเหล่านี้ถูกกระตุ้นให้มีศักยภาพทำงานสูงขึ้น ก็จะช่วยในการพัฒนาศักยภาพการทำงานของระบบประสาท,ช่วยในการพัฒนาระบบต่อมไร้ท่อและระบบฮอร์โมนในร่างกาย ,พัฒนาศักยภาพของการเดินทางของกระแสประสาท รวมทั้งพัฒนาศักยภาพการทำงานของสมองด้วยเป็นปัจจัยเกื้อหนุนต่อการพัฒนาสติปัญญาเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นยังเป็นการพัฒนาพลังจิตและสมาธิตลอดจนความคิดสร้างสรรค์ในระดับสูงด้วย
จักระ" (CHAKRA) คืออะไร (สุวินัย ภรณวลัย ,www.suvinai-dragon.com)
จักระก็คือ ศูนย์พลังงาน (FORCE CENTER) ของมนุษย์ ที่อยู่ในสภาพเป็นวงล้อหรือ
กงจักระหมุน
จักระคือ สภาพแห่งคลื่นของพลังที่สามารถเปล่งพลังออกมาได้
จักระจึงคือ บ่อน้ำพุที่ให้กำเนิดพลังงานอันแสนมหัศจรรย์ของมนุษย์โดยผ่านการขับฮอร์โมน เอ็นไซม์ และวิตามิน ออกมาช่วยทำให้มนุษย์สามารถธำรงค์รักษากายภาพแห่งความเป็นมนุษย์เอาไว้ได้ หรือเป็นอะไรที่ยิ่งกว่านั้นได้
เราสามารถเข้าใจ และตระหนักถึงความสำคัญอย่างยิ่งยวดที่จักรทั้งเจ็ดมีต่อชีวิตมนุษย์นี้ได้ โดยผ่านการทำความเข้าใจถึงการทำงานของต่อมต่าง ๆ ที่เป็นที่ตั้งของจักรทั้งเจ็ด
ซึ่งจากภาพถ่ายทางวิทยาศาสตร์ที่ถ่ายจับคลื่นความร้อนของร่างกาย ก็สามารถพบลักษณะพิเศษตามจุดต่าง ๆ ในร่างกายใกล้เคียงกับที่ตั้งของจักระตามคำกล่าวของศาสตร์ทางโยคะ นับว่าเป็นการยืนยันความถูกต้องของความมีอยู่ของจักระในร่างกายมนุษย์ทางกายภาพ
จากรูปข้างล่างแสดงต่อมไร้ท่อที่ผลิตฮอร์โมนที่สำคัญในร่างกายมนุษย์
รายละเอียดที่สำคัญเกี่ยวกับต่อมไร้ท่อที่สำคัญในร่างกายมนุษย์
ต่อมไพนีล PINEAL GLAND
ต่อมนี้ถือเป็น "ต่อมหลัก" ที่ทำหน้าที่ควบคุมต่อมอื่น ๆ อีกที ต่อมนี้ยาวเพียงครึ่งนิ้ว สี
แดง มีลักษณะเหมือนเมล็ดต้นสน หนักเพียง 0.2 กรัม ต่อมนี้จะโตเต็มที่เมื่อมนุษย์มีอายุราว ๆ 7 - 8 ขวบ หลังจากนั้นจะค่อย ๆ เสื่อมสภาพลง เชื่อกันว่า ต่อมไพนีลทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนที่ควบคุมวุฒิภาวะทางเพศ กิจกรรมทางเพศ และอิริยาบถต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ฮอร์โมนนั้นก็คือ เมลาโทนิน (MELATONIN) นอกจากนี้ต่อมนี้ยังผลิตฮอร์โมนเซราโทนิน (SERATONIN) ที่สัมพันธ์อยู่กับหน้าที่ของความคิดที่เกี่ยวกับเหตุผล
เป็นที่เชื่อกันว่าต่อมไพนีลนี้เป็นต่อมที่มีความฉับไวต่อแสงสว่างเป็นพิเศษ ต่อมนี้คงจะเป็นร่องรอยเดิมของ "ตาที่สาม" ของมนุษย์ที่ค่อย ๆ หายเข้าไปในสมอง เหมือนกับ "ตาที่สาม" ของจิ้งจก ตุ๊กแก ที่อยู่บนศรีษะ ซึ่งทำหน้าที่ฉับไวในการรับแสงสว่างและควบคุมลีลาจังหวะธรรมชาติในวงจรชีวิต เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากที่ตั้งแต่เมื่อหลายพันปีก่อนแล้ว ที่พวกโยคีและพวกเซียนได้พูดถึง "ตาที่สาม" ซึ่งอยู่ "ตรงศูนย์กลางของสมอง" โดยกล่าวว่าเป็น "ดวงตาแห่งปัญญาญาณ" ซึ่งถ้าหากได้ผ่านการฝึกฝนปฏิบัติ และพัฒนาอย่างถูกวิธีตามหลักวิชาโยคะ หรือวิชาเต๋า โดยสามารถควบคุมให้เหมาะสมได้แล้ว ผู้นั้นจะสามารถผนึกตนเองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับ "สภาวะที่สูงส่งทางจิตวิญญาณ" ได้
เนื่องจากความฉับไวในการรับแสงของต่อมไพนีลในเวลากลางคืน ท่ามกลางไฟมืด จะทำให้ปริมาณของฮอร์โมนเมลาโทนินที่หลั่งออกมาจากต่อมไพนีลจะสูงมาก ขณะที่ปริมาณที่ถูกขับออกของฮอร์โมนเซราโทนินจะลดต่ำมาก เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะก่อให้เกิดสภาวะแห่งการพักผ่อนและผ่อนคลายของกายและจิต ทำให้ผู้นั้นสามารถหลับได้แต่พอในตอนกลางวัน สิ่งต่าง ๆ จะเกิดในทางตรงกันข้าม กล่าวคือปริมาณของฮอร์โมนเมลาโทนินจะลดลง ขณะที่ปริมาณของฮอร์โมนเซราโทนินจะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะก่อให้เกิดสภาพของความคึกคักเคลื่อนไหวที่ปราศจากการพักผ่อน อนึ่งสีเขียวมีบทบาทสามารถลดปริมาณฮอร์โมนเซราโทนินที่ต่อมไพนีลผลิตออกมาได้ เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ความเขียวชอุ่มของต้นไม้ ป่าไม้ จะช่วยส่งเสริมให้อารมณ์ของคนเราสงบ คลายเครียด ได้พัก
การฝึกออกกำลังกายด้วยวิธีโยคะ หรือวิธีเต๋า รวมทั้งการฝึกสมาธิแบบโยคะ หรือเต๋า ก็ส่งผลสะเทือนอย่างสูงต่อการทำงานของต่อมไพนีล ในทิศทางที่ทำให้ฮอร์โมนเมลาโทนินเพิ่มขึ้น และฮอร์โมนเซราโทนินลดลงเช่นกัน เมื่อเป็นดังนั้น จิตและกายก็จะผ่อนคลาย สงบ จมดิ่งลงไปสู่สภาวะของความมีสติสำนึกที่ลึกล้ำยิ่งขึ้น
หลักวิชาของโฮโม-เอ็กเซลเลนส์ จึงมุ่งไปยังการฝึกควบคุมการทำงานของต่อมไพนีล ให้ขับฮอร์โมนเซราโทนินให้น้อยลง เพื่อเข้าสู่สภาวะจิตอันสูงส่งที่จะประสบกับแสงสว่างอันสุกใส รู้สึกสุขอย่งดื่มด่ำล้ำลึกและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับจักรวาล อันเป็นสภาวะของการสลายตัวตน (อัตตา) อันเล็กที่ทำลายความแตกต่างแบ่งแยกระหว่างตัวตนของเรากับสรรพสิ่งรอบ ๆ ตัว
(2) ต่อมพิตทูอิทารี PITUITARY GLAND
ต่อมนี้ก็ถือเป็น "ต่อมหลัก" (MASTER LAND) เช่นเดียวกับต่อมไพนีลมีขนาดใหญ่เท่า
กับเมล็ดถั่ว น้ำหนักราว ๆ 0.8 กรัม อันที่จริงหน้าที่ของต่อมพิตทูอิทารีนี้ เป็นเพียงสถานีส่งผ่านถ่ายทอดฮอร์โมนต่าง ๆ ไปยังต่อมอื่น ๆ หรืออวัยวะส่วนอื่น ๆ ของร่างกายเท่านั้น โดยที่ต่อมพิตทูอิทารีนี้จะต้องรับคำสั่งและข่าวสารจาก "ไฮโพทาลามัส" (HYPOTHALAMUS) อีกต่อหนึ่ง (ดูรูปภาพ (ง) ประกอบ)
"ไฮโพทาลามัส" คืออวัยวะในสมองที่ทำหน้าที่ประสานงานระหว่างระบบประสาทกับระบบต่อมต่าง ๆ รวมทั้งยังทำหน้าที่ควบคุมปฏิกิริยาของร่างกายที่มีต่อสภาวะอารมณ์อันปั่นป่วนต่าง ๆ ด้วย (อวัยวะ "ไฮโพทาลามัส" นี้มีความสำคัญมากที่สุดในหลักวิชาของโฮโม-เอ็กเซลเลนส์ ซึ่งผมคงจะนำมากล่าวถึงโดยละเอียดในภายหลัง)
ต่อมพิตทูอิทารี สามารถแบ่งได้ออกเป็น 3 ส่วน คือ กลีบหน้า กลีบกลาง และกลีบหลัง ฮอร์โมนที่ถูกขับออกมาจาก "กลีบหน้า" ที่สำคัญมีอยู่ 6 ชนิด ดังต่อไปนี้คือ
(ก) ฮอร์โมนกระตุ้นการเจริญเติบโต (STN)
(ข) ฮอร์โมนกระตุ้นต่อมเพศ (GTH)
(ค) ฮอร์โมนกระตุ้นต่อมไทรอยด์ (TSH)
(ง) ฮอร์โมนกระตุ้นต่อมอะดรีนัล (ACTH)
(จ) ฮอร์โมนกระตุ้นต่อมพาราไทรอยด์
(ฉ) ฮอร์โมนกระตุ้นต่อมนม (LTH)
จะเห็นได้ว่าฮอร์โมนที่ถูกขับออกมาจาก "กลีบหน้า" ของต่อมพิตทูอิทารีนั้น ได้ควบคุม
หรือมีบทบาทอย่างสำคัญต่อการทำงานของต่อมหลัก ๆ ในร่างกายเกือบทั้งหมดเลยทีเดียว สำหรับฮอร์โมนที่ถูกขับออกมาจาก "กลีบกลาง" นั้น ที่สำคัญคือ ฮอร์โมนที่ทำให้ผิวหนังเป็นสีดำคล้ำ ส่วนฮอร์โมนที่ถูกขับออกมาจาก "กลีบหลัง" นั้นที่สำคัญมีอยู่ 2 ชนิด คือ ฮอร์โมนที่ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นกับดูดซับน้ำ และฮอร์โมนที่ทำให้กล้ามเนี้อบริเวณลำไส้ กระเพาะปัสสาวะหดตัว
(3) ต่อมน้ำลาย SALIVARY GLAND
ต่อมนี้นอกจากจะผลิตน้ำลายแล้ว ยังผลิตฮอร์โมนชนิดหนึ่งออกมาซึ่งทำหน้าที่กระตุ้น
การเจริญเติบโตของอวัยวะที่แข็ง ๆ ในร่างกายคน อย่างกระดูกและฟัน นอกจากนี้ยังมีบทบาทในการชะลอความชราอีกด้วย
(4) ต่อมพาราไทรอยด์ PARATHYROID GLAND
ต่อมนี้มีขนาดเล็กเท่ากับเมล็ดข้าว อยู่ติดต่อมไทรอยด์ด้านหลัง ต่อมนี้ผลิตฮอร์โมนออก
มาชนิดหนึ่ง ที่ทำหน้าที่ควบคุมระดับความเข้มข้นของแคลเซี่ยมในกระแสเลือด กับช่วยการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน ถ้าร่างกายขาดฮอร์โมนประเภทนี้ จะทำให้เกิดโรคทางประสาท โรคตา ผิวหนัง ผมหยาบกระด้าง แต่ถ้าร่างกายมีฮอร์โมนประเภทนี้มากเกินไป ก็จะทำให้เป็นโรคกระดูกเปราะ
(5) ต่อมไทรอยด์ THYROID GLAND
ต่อมนี้มีลักษณะคล้ายผีเสื้อที่เกาะอยู่บนหลอดเสียงบนลำคอ ทำหน้าที่คล้ายกับคันเร่ง
ของรถยนต์ กล่าวคือต่อมไทรอยด์นี้เป็นตัวเร่งการทำงานของร่างกายหรือทำให้ช้าลง โดยผ่านการควบคุมการเผาผลาญอาหารในร่างกายการควบคุมอุณหภูมิในร่างกายให้คงที่ กับควบคุมการผลิตพลังงานในร่างกายให้คงที่ นอกจากนี้ ต่อมนี้ยังทำหน้าที่ควบคุมการเจริญเติบโต และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ อีกทั้งยังควบคุมกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับของเสียในร่างกายอีกด้วย
เพราะฉะนั้นการที่คนเราจะใช้ชีวิตอย่างซึมเซาไร้ชีวิตชีวา หรือใช้ชีวิตอย่างคึกคัก กระตือรือร้น ก็ขึ้นอยู่กับฮอร์โมนต่อมไทรอยด์ที่ขับออกมานี้ด้วยเช่นกัน โดยปกติในวันหนึ่ง ๆ ฮอร์โมนต่อมไทรอยด์จะถูกขับออกมาราว ๆ 1/100 มิลลิเมตร เมื่อมนุษย์เราเริ่มแก่ตัวลง ต่อมไทรอยด์ก็จะเริ่มเสื่อมถอยลงด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกที่คนชรามักกลายเป็นคนขี้หนาวทั้งนี้ก็เพราะว่าการเกิดความร้อนในร่างกายเริ่มไม่พอเพียง เนื่องจากการทำงานของต่อมไทรอยด์เสื่อมลง
(6) ต่อมไทมัส THYMUS GLAND
ต่อมนี้ตั้งอยู่บนด้านหลังของกระดูกทรวงอก บริเวณเหนือหัวใจ ในบรรดาอวัยวะภายใน
ทั้งหมด ต่อมนี้เป็นอวัยวะที่เสื่อมถอยเร็วที่สุด กล่าวคือในวัยเด็กทารก ต่อมนี้จะมีขนาดใหญ่มาก แต่เมื่อแตกเนื้อหนุ่มมันจะค่อย ๆ หดเล็กลงเหลือเพียง 1/4 ของขนาดเดิมเท่านั้น ต่อมไทมัสนี้มีบทบาทสำคัญในการควบคุมภูมิคุ้มกันโรคในร่างกายของคนเรา
(7) ตับอ่อน PANCREAS
ตับอ่อนอยู่ในบริเวณเกือบใต้กระเพาะอาหาร ตับอ่อนนอกจากจะหลั่งน้ำย่อยที่ใช้ในการ
ย่อยอาหารลงในลำไส้เล็กแล้ว มันยังหลั่งฮอร์โมนที่มีชื่อว่าอินซูลินออกมาอีกด้วย อินซูลินมีหน้าที่ช่วยลดปริมาณของกลูโคสในกระแสเลือดให้น้อยลง ความบกพร่องในตับอ่อนจะก่อให้เกิดโรคเบาหวานขึ้นได้
(8) ต่อมอะดรีนัล ADRENAL GLAND
ว่ากันว่าต่อมนี้มีความสำคัญรองจากต่อมพิตทูอิทารีเท่านั้น เพราะเป็นต่อมที่มีบทบาท
เฉพาะยามเกิดเหตุฉุกเฉินวิกฤตที่ทำให้ต้อง "สู้" ต่อมนี้จะผลิตฮอร์โมน ซึ่งให้พลังงานในการต่อสู้หรือมีพฤติกรรมอย่างกล้าหาญในยามฉุกเฉินสูงกว่ายามปกติถึง 10 เท่า ฮอร์โมนนั้น เรียกว่าอะดรีนาลีน
ในสภาวะวิกฤตที่ร่างกายจำเป็นต้องใช้กำลังกล้ามเนื้อทุกส่วน สมองของคนเราจะสั่งการฉับพลันส่งข่าวสารนี้ไปยังต่อมอะดรีนัล ต่อมนี้จะผลิตอะตรีนาลีนออกมา ให้เข้าไปในกระแสโลหิต ซึ่งฮอร์โมนนี้จะช่วยกระตุ้นหัวใจ และช่วยขยายเส้นโลหิตที่นำเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อให้ใหญ่ขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นต่อมเหงื่อให้ทำงานเพื่อร่างกายจะได้เย็นลง
อะดรีนาลีนยังช่วยถ่วงการเคลื่อนไหวของอวัยวะที่ใช้ในการย่อยอาหารให้ช้าลง และช่วยถ่วงการหดตัวของเส้นเลือดให้ช้าลงด้วย ซึ่งจะไปทำให้ตับต้องปลดปล่อยน้ำตาลสำรองออกมาให้แก่กล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อมีพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างเหลือเฟือในชั่วขณะหนึ่ง อะดรีนาลีนยังทำให้เส้นขนตั้งโด่ชูชันขึ้น และขยายช่องตาดำกับดวงตาให้เบิกกว้าง เพื่อว่าคนผู้นั้นจะได้ดูน่าเกรงขามยิ่งขึ้น
ผู้ที่มีต่อมอะดรีนัล ที่ไม่สามารถหลั่งสารอะดรีนาลีนออกมาได้อย่างเพียงพอ จะไม่สามารถโต้ตอบต่อวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสมทันกาลในทางกลับกัน ถ้าคนใดมีต่อมอะดรีนาลีนออกมามากเกินไปคนผู้นั้นก็จะอยู่ในสภาวะของความตึงเครียดทางประสาทอย่างต่อเนื่องยาวนาน
(9) ต่อมให้กำเนิดเซลล์สืบพันธุ์ SEX GLAND
ต่อมให้กำเนิดเซลล์สืบพันธุ์ (ของสตรีคือรังไข่ ของบุรุษคือลูกอัณฑะ) หรือต่อมเพศนี้จะ
ทำหน้าที่ที่เกี่ยวกับกิจกรรมทางเพศทั้งหมด ต่อมนี้ไม่เพียงแต่จะผลิตเซลล์สืบพันธุ์ออกมาเท่านั้น หากยังผลิตสารฮอร์โมนที่ควบคุมพัฒนาการทางกายภาพของร่างกายเรา กับควบคุมพฤติกรรมทางเพศของเราแต่ละคนด้วย
ต่อมเพศจะหลั่งฮอร์โมนแอนโดรเจน (ANDROGEN) กับฮอร์โมนเอสโทรเจน (ESTROGEN) ออกมาโดยที่แอนโดรเจนเป็นฮอร์โมนเพศชาย และเอสโทรเจนเป็นฮอร์โมนเพศหญิง แอนโดรเจนจะเพิ่มมวลของกล้ามเนื้อในร่างกายให้มากขึ้น และโน้มนำให้เกิดพฤติกรรมที่ก้าวร้าวรุนแรง ส่วนเอสโทรเจนจะเพิ่มความอ่อนนุ่ม เพิ่มไขมัน และโน้มนำให้เกิดพฤติกรรมที่ใฝ่สันติ ในร่างกายของคนเราทุกคนจะผลิตทั้งแอนโดรเจนและเอสโทรเจนออกมา และความได้สัดส่วนของฮอร์โมนสองชนิดนี้ จะทำให้บุคลิกภาพของคนผู้นั้นมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น (มีเอกภาพระหว่างหยินกับหยัง)
ขั้นแรกของหลักวิชาโฮโม - เอ็กเซลเลนส์ จะเริ่มที่การฝึกฝนจักร "มูลธาร" เพื่อสร้างและพัฒนา "ต่อมเพศ" ให้เข้มแข็งก่อนเป็นสำคัญ เพราะต่อมเพศนี้แหละ คือแหล่งพลังที่สำคัญที่สุดในการดำเนินกิจกรรมทั้งปวงของมนุษย์ หลักวิชาของโฮโม - เอ็กเซลเลนส์นั้น มุ่งที่จะพัฒนาและควบคุมพลังทางเพศที่รุนแรงนี้ ไปในทิศทางที่ก่อให้เกิดสติปัญญา และพลังกายที่เข้มแข็งเพื่อนำไปใช้ในการทำงานที่สร้างสรรค์
จากภาพพบว่ามาสเตอร์ทางโยคะได้มีการจับคู่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างจักระกับต่อมไร้ท่อในร่างกาย ทำให้เป็นการเน้นย้ำอย่างแจ้งชัดระหว่างหน้าที่ของจักระที่มีอิทธิพลต่อการควบคุมการทำงานของต่อมไร้ท่อในร่างกายมนุษย์
รายละเอียดจักระสำคัญทั้ง 7 จุด
จักระ 1 มูลธาร (ดอกบัว 4 กลีบ)
ตั้งอยู่ตรงกระดูกก้นกบที่ปลายสุดของกระดูกสันหลัง (กระดูกกระเบนเหน็บปล้องที่ 4) อยู่ระหว่างอวัยวะเพศ และทวารหนัก เป็นรากฐานของระบบจักระ หรือระบบพลังงาน เป็นพื้นฐานของพลังชีวิต และเป็นกลไกที่ทำให้สืบทอดพันธุ์เป็นมนุษย์อยู่ในโลกทุกวันนี้
ศูนย์พลัง
|
สีแดง
|
ที่ตั้ง
|
กันกบ
|
ธาตุ
|
ดิน
|
ต่อมไร้ท่อและอวัยวะที่จักรควบคุม
|
ต่อมเพศ,ไต
|
หน้าที่
|
เป็นรากฐานของระบบจักระหรือระบบพลังงาน เป็นพื้นฐานของพลังชีวิต และเป็นกลไกที่ทำให้สืบทอดพันธุ์ทำให้ร่างกายแข็งแรง มีชีวิตชีวา มีสัญชาตญาณในการต่อสู้เพื่อตัวเอง มีภูมิต้านทานดี
|
คีย์โน้ตและเสียงสระประจำจักร์
|
เสียงC("โด"),เสียงสระอู
|
ดนตรีที่สร้างความสมดุลประจำจักร์
|
เบสและเครื่องดนตรีให้จังหวะ
|
อัญมณี , แร่ธาตุ
|
อัญมณีสีแดง แร่ธาตุสีแดง
|
อาหาร
|
โปรตีนสีแดง เช่น พวกเนื้อแดงต่าง ๆ ผลไม้ ผัก พืชสีแดง
|
ถ้ามีคุณภาพหรือได้เรียนรู้
|
จะสามารถมีสุขภาพพลานมัยที่ดี แข็งแรง มีความสำเร็จในทางวัตถุ แบบนักวัตถุนิยมที่มีความสำเร็จ มีความมั่นคงทั้งทางกายและจิตใจ มีความอดทน มีความกล้าหาญในการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด
|
ถ้าไม่มีคุณภาพหรือมีพลังน้อย
|
โลภ เป็นคนเห็นแก่ตัว มีความอ่อนแอ มักโกรธ มีความเครียด ท้องผูกเสมอ ปวดตามกระดูกสันหลัง
|
จักระ 2 สวาธิษฐาน (ดอกบัว 6 กลีบ)
อยู่ตรงปลายก้นกบ บริเวรณกระดูกเอวปล้องที่ 1 เป็นศูนย์กลางเกี่ยวกับพลังทางเพศ รวมทั้งความเชื่อมั่นในตนเองควบคุมระบบการสืบพันธุ์, การขับกากอาหารและของเสียออกจากร่างกาย (ระบบการขับถ่าย) รวมทั้งการตั้งครรภ์และการคลอด
ศูนย์พลัง
|
สีส้ม
|
ที่ตั้ง
|
สะดือ
|
ธาตุ
|
น้ำ
|
ต่อมไร้ท่อและอวัยวะที่จักรควบคุม
|
ต่อมอะดรีนัล,ตับอ่อน
|
หน้าที่
|
ควบคุมระบบการสืบพันธ์ การขับกากอาหารและของเสียออกจากร่างกาย ให้เกิดความรู้สึกทางเพศ นำอาหารไปหล่อเลี้ยงร่างกาย ทำให้มีชีวิตชีวา
|
คีย์โน้ตและเสียงสระประจำจักร์
|
เสียงD("เร"),เสียงสระโอ
|
ดนตรีที่สร้างความสมดุลประจำจักร์
|
เบสและเครื่องดนตรีประเภทตี,เคาะและเป่า
|
อัญมณี , แร่ธาตุ
|
อัญมณีสีส้ม โกราล แร่ธาตุสีส้ม
|
อาหาร
|
ส้มและน้ำส้ม ผลไม้ ผัก พืชสีส้ม
|
ถ้ามีคุณภาพหรือได้เรียนรู้
|
จะสามารถรู้จักให้และรับ ควบคุมอารมณ์ได้ดี ชอบความเปลี่ยนแปลง ยอมรับความคิดใหม่ ๆ แปลก ๆ รู้จักยอมตัวอยู่ร่วมกับครอบครัวได้ดี มีความคิดในทางสร้างสรรค์ร่วมกับเพื่อนมนุษย์
|
ถ้าไม่มีคุณภาพหรือมีพลังน้อย
|
มักมากในกามคุณ มีปัญหาเรื่องทางเพศ สับสน วุ่นวาย เห็นแก่ตัว อิจฉา ริษยา ต้องการที่จะครอบครองทั้งที่ไม่สามารถ มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะ ไร้สมรรถภาพทางเพศ
|
จักระ 3 มณีปุระ(ดอกบัว 8 กลีบ)
อยู่ตรงแนวสะดือตัดกับกระดูกสันหลัง เป็นศูนย์กลางของการหยั่งรู้ ณ จุดนี้เป็นศูนย์กลางของร่างกาย ควบคุมระบบการย่อยอาหารและการขับถ่ายของเสีย
ศูนย์พลัง
|
สีเหลือง
|
ที่ตั้ง
|
กลางหัวใจกับสะดือ
|
ธาตุ
|
ไฟ
|
ต่อมไร้ท่อและอวัยวะที่จักรควบคุม
|
โซล่าเพลกซัส,ต่อมอะดรีนัล,ตับอ่อน,ม้าม,ตับ,กระเพาะอาหารต
|
หน้าที่
|
ช่วยให้ระบบประสาททำงานได้ดี ควบคุมระบบย่อยอาหารและการขับถ่ายของเสีย ช่วยการสันดาบ ( metabolism ) ควมคุมอารมณ์
|
คีย์โน้ตและเสียงสระประจำจักร์
|
เสียงE("มี"),เสียงสระอา
|
ดนตรีที่สร้างความสมดุลประจำจักร์
|
ขล่ย เครื่องเป่า เครื่องสาย และเปียโน
|
อัญมณี , แร่ธาตุ
|
อัญมณีสีเหลือง แก้วตาเสือ ทองคำ แร่ธาตุสีเหลือง
|
อาหาร
|
ผลไม้ ผัก พืชสีเหลือง
|
ถ้ามีคุณภาพหรือได้เรียนรู้
|
จะสามารถมีความมั่นใจในตัวเอง มีเจตน์จำนงค์แน่วแน่ ควบคุมความต้องการของตนเองได้ ตื่นตัวเสมอ มีอารมณ์ขัน มีความร่าเริงแจ่มใส เชื่อในความเป็นอมตะ
|
ถ้าไม่มีคุณภาพหรือมีพลังน้อย
|
เป็นคนที่มีความหวาดระแวง ไม่เชื่อมั่นในตัวเอง มักมีความโกรธ เกลียด มีปัญหาระบบขับถ่ายและย่อยอาหาร
|
จักระ 4 อนาหตะ (ดอกบัว 10 หรือ 12 กลีบ)
อยู่ตรงแนวหัวใจตัดกับกระดูกสันหลัง บริเวณกระดูกสันหน้าอกปล้องที่1,2และ3) เป็นศูนย์รวมของความรักที่แท้จริง รวมทั้งการพัฒนาจิตใจ ด้วยความเมตตากรุณา และความเสียสละ ควบคุมระบบหมุนเวียนโลหิต, หัวใจและระดับไขมันในเส้นเลือด
ศูนย์พลัง
|
สีเขียว
|
ที่ตั้ง
|
ทรวงอก
|
ธาตุ
|
ลม
|
ต่อมไร้ท่อและอวัยวะที่จักระควบคุม
|
ต่อมไทมัส,หัวใจ,ปอด
|
หน้าที่
|
ควบคุมระบบหมุนเวียนโลหิต ,หัวใจและระดับไขมันในเส้นเลือด รับพลังมาจากจักรวาล เทพ หรือวิญญาณชั้นสูง ทำให้เกิดพลังชีวิตที่สมบูรณ์ โลหิตไหลเวียนดี ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง
|
คีย์โน้ตและเสียงสระประจำจักร์
|
เสียงF/F#("ฟา"),เสียงสระเอ
|
ดนตรีที่สร้างความสมดุลประจำจักร์
|
พิณ ออร์แกน เปียโน และเครื่องสายทั้งหมด
|
|
|
อัญมณี , แร่ธาตุ
|
หยก เพชร พลอย สีมรกต
|
อาหาร
|
ผลไม้ ผัก พืชสีเขียว
|
ถ้ามีคุณภาพหรือได้เรียนรู้
|
มีความรักที่แท้จริง มีอัปปมัญญาธรรม สงสารเพื่อนมนุษย์ ให้อภัย ยอมรับความคิดเห็นของเพื่อนมนุษย์ เปิดเผย อยู่ร่วมกับเพื่อนมนุษย์อย่างมีความสุข ไม่เอารัดเอาเปรียบ ไม่เห็นแก่ตัว
|
ถ้าไม่มีคุณภาพหรือมีพลังน้อย
|
จะผิดหวังเรื่องความรัก เอาแต่ใจตัวเอง ควบคุมตัวเองไม่ได้ โรคหัวใจ การไหลเวียนโลหิตไม่ดี
|
จักระ 5 วิสุทธะ (ดอกบัว 16 กลีบ)
อยู่ตรงบริเวณเส้นแนวไหล่ตัดกับกระดูกสันหลัง กระดูกคอปล้องที่ 3 ควบคุมระบบทางเดินหายใจ และผิวหนัง
ศูนย์พลัง
|
สีน้ำเงินอ่อน หรือสีฟ้า
|
ที่ตั้ง
|
ลำคอ
|
ธาตุ
|
อากาศ
|
ต่อมไร้ท่อและอวัยวะที่จักรควบคุม
|
ต่อมไธรอยด์,ต่อมพาราไธรอยด์,ต่อมน้ำลาย
|
หน้าที่
|
ควบคุมระบบทางเดินหายใจและผิวหนัง การแสดงออกทางคำพูด เสียง การสื่อความหมาย
|
คีย์โน้ตและเสียงสระประจำจักร
|
เสียงG("ซอล"),เสียงสระเอะ อิ อุ และอะ
|
ดนตรีที่สร้างความสมดุลประจำจักร
|
พิณ ออร์แกน เปียโน และเครื่องสายเสียงสูง
|
อัญมณี , แร่ธาตุ
|
เพชร พลอย สีน้ำเงินอ่อน
|
อาหาร
|
ผลไม้ พืชผัก สีน้ำเงินอ่อนหรือสีฟ้า
|
ถ้ามีคุณภาพหรือได้เรียนรู้
|
มีความสามารถในการแสดงวาทะศิลป์ สื่อความหมายได้ชัดเจน พูดแบบถ่อมตน สร้างสรรค์ มีความเมตตา เชื่อถือได้ ให้เกียรติผู้อื่น สุภาพอ่อนโยน
|
ถ้าไม่มีคุณภาพหรือมีพลังน้อย
|
ไม่สามารถสื่อความหมายได้อย่างชัดเจน มีปัญหาในการพูด ใช้ความรู้อย่างไม่ฉลาด ขาดการใช้วิจารณญาณ มีความหดหู่ ไม่ร่าเริง มีปัญหาเกี่ยวกับไธรอยด์
|
จักระ 6 อาชญะ (ดอกบัว 2 กลีบใหญ่ และกลีบย่อย 100 กลีบ)
อยู่ตรงกลางหน้าผาก กระดูกคอปล้องที่ 1 เปรียบเสมือนนัยน์ตาของปัญญา ใช้เป็นตาที่ 3 (ญาณวิเศษ) สำหรับการติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน ควบคุมสติปัญญา, ความนึกคิด, ความเฉลียวฉลาด, และระบบประสาท
ศูนย์พลัง
|
สีน้ำเงิน
|
ที่ตั้ง
|
หน้าผากหรือเหนือระหว่างคิ้ว
|
ธาตุ
|
แสงสว่าง
|
ต่อมไร้ท่อและอวัยวะที่จักรควบคุม
|
ต่อมพิตูอิทารี
|
หน้าที่
|
ควบคุมสติปัญญา ความนึกคิด ความเฉลียวฉลาดและระบบประสาท เป็นตาที่สาม ใช้ชีวิตชีวาแก่สมองส่วนล่างและระบบประสาทให้เกิดญาณทัศนะ
|
คีย์โน้ตและเสียงสระประจำจักร
|
เสียงA("ลา"),เสียงสระโอ
|
ดนตรีที่สร้างความสมดุลประจำจักร์
|
พิณ ออร์แกน เปียโน และเครื่องสายเสียงสูง
|
อัญมณี , แร่ธาตุ
|
อัญมณีสีน้ำเงินแก่และแร่ธาตุสีน้ำเงินแก่
|
อาหาร
|
ผลไม้ พืชผักสีน้ำเงินแก่
|
ถ้ามีคุณภาพหรือได้เรียนรู้
|
จะสามารถเข้าสมาธิได้ง่าย เกิดวิปัสสนาญาณ มีตาทิพย์ จิตใจสงบสุข มีความจงรักภักดี สัมผัสกับสิ่งที่สัมผัสได้ยาก มีจินตนาการในทางที่ดี
|
ถ้าไม่มีคุณภาพหรือมีพลังน้อย
|
ขาดสมาธิ มีความกลัว ชอบเยาะเย้ย ถากถาง เครียด ปวดหัว สายตามีปัญหา ฝันร้าย เบื่อหน่ายโลกอย่างไม่มีเหตุผล
|
จักระ 7 สหัสสราร (ดอกบัว 1,000 กลีบ)
อยู่ตรงกลางกระหม่อม หรือจุดตัดของเส้นที่ลากจากปลายจมูก ผ่านกลางหน้าผาก ตัดกับเส้นที่ลากจากหูซ้ายไปหูขวา เปรียบเสมือนมงกุฎดอกบัว ควบคุม ระบบประสาททั้งหมดของร่างกาย เป็นศูนย์ควบคุมทุกจักระ เป็นจุดรับพลังจักรวาล และทำการกระจายไปทั่วร่างกาย เป็นจุดที่สามารถรักษาอาการเจ็บป่วย ที่จักระอื่นไม่สามารถรักษาได้โดยตรง
ศูนย์พลัง
|
สีม่วง
|
ที่ตั้ง
|
กระหม่อม
|
ธาตุ
|
รู้ , เจตน์จำนงค์
|
ต่อมไร้ท่อและอวัยวะที่จักรควบคุม
|
ต่อมไพนีล ไฮโพทาลามัส
|
หน้าที่
|
ควบคุมระบบประสาททั้งหมดของร่างกาย เป็นศูนย์ควบคุมทุกจักระ ให้ชีวิตชีวา ช่วยสมองส่วนบน
|
คีย์โน้ตและเสียงสระประจำจักร
|
เสียงB("ที"),เสียงสระอี
|
ดนตรีที่สร้างความสมดุลประจำจักระ
|
พิณ ออร์แกน เปียโน และเครื่องสายเสียงสูง
|
อัญมณี , แร่ธาตุ
|
เพชร , พลอย สีม่วง
|
อาหาร
|
ผลไม้ พืชผักสีม่วง
|
ถ้ามีคุณภาพหรือได้เรียนรู้
|
จะสามารถสัมผัสกับสิ่งที่เรามองไม่เห็น เช่น วิญญาณในภพภูมิต่าง ๆ เชื่อเกี่ยวกับเทพและวิญญาณระดับต่าง ๆ และสามารถติดต่อได้ มีเอกภาพ มีอุดมคติ เสียสละ เชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด และชีวิตนอกโลกว่ามีจริง
|
ถ้าไม่มีคุณภาพหรือมีพลังน้อย
|
จะขาดความกระตือรือร้น สับสนวุ่นวาย มีความลังเล ทำตัวแปลก เหินห่างสังคม แก่เกินวัย ไม่เชื่อเกี่ยวกับศาสนา
|
นอกจากนี้จากการค้นคว้าของมาสเตอร์และมหาโยคีได้ค้นพบว่าแต่ละจักระหรือแต่ละต่อมไร้ท่อนั้นจะมีความถึ่ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเฉพาะตัวอยู่ ซึ่งถ้าได้มีการส่งผ่านคลื่นเสียงไปยังต่อมไร้ท่อเหล่านี้ โดยมีคีย์โน้ตที่เหมาะสมกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของต่อมไร้ท่อแต่ละต่อม จะช่วยกระตุ้นการทำงานของต่อมไร้ท่อหรือจักระนั้นได้
จากภาพมีการค้นคว้าวืจัยเกี่ยวกับคีย์โน๊ตและเครื่องดนตรีที่เหมาะสมต่อการกระตุ้นจักระในร่างกาย พลังแห่งคลื่นเสียงของคีย์โน๊ตที่ค้นคว้าวิจัยโดยถูกปล่อยพลังแห่งคลื่นเสียงจากเครื่องดนตรีที่เลือกสรรแล้ว จะส่งคลื่นเสียงก่อให้เกิดพลังแห่งการสั่นสะเทือน( vibration) ที่เหมาะสม เข้าไปก่อให้เกิดการสั่นสะเทียนภายในจักระหรือต่อมไร้ท่อเหล่านั้น จากการศึกษาวิจัยของมาสเตอร์ทางโยคะทราบว่าการใช้คลื่นเสียงที่เหมาะสมจะช่วยฟื้นฟูความไม่สมดุลของจักระและต่อมไร้ท่อรวมทั้งอวัยวะที่จักระนั้นเกี่ยวข้อง
จากภาพแสดงความสัมพันธ์ของกลุ่มเซลประสาท ณ ที่ตั้งของต่อมไร้ท่อในร่างกายและจักระ พบว่ามีสายใยของกลุ่มเซลประสาทเหล่านั้นเข้าไปเชื่อมโยงกับโครงสร้างของกระดูกชิ้นต่าง ๆ บนร่างกายด้าย
จากการศึกษาพบว่าเมื่อได้ส่งพลังคลื่นเสียงแห่งความสั่นสะเทือนไปยังต่อมไร้ท่อต่าง ๆ แล้ว ต่อมไร้ท่อและกลุ่มเซลประสาทบริเวณนั้นที่มีส่วนเชื่อมโยงผูกพันอยู่กับโครงสร้างของกระดูกสันหลังและอวัยวะสำคัญอื่น ๆ เมื่อได้รับการกระตุ้นจากพลังแห่งคลื่นเสียงที่เหมาะสมกับจักระหรือต่อมไร้ท่อนั้น ๆ ว กลุ่มเซลประสาทในบริเวณจ้กระหรือต่อมไร้ท่อนั้นจะเกิดการสั่นสะเทือน(vibration) ซึ่งพลังแห่งความสั่นสะเทือน(vibration) ที่ส่งออกมานอกจากจะช่วยฟื้นฟูความสมดุลย์และศักยภาพการทำงานของต่อมไร้ท่อหรือจักระนั้น ๆ แล้ว พลังแห่งความสมดุลที่เกิดขึ้นจะส่งพลังแห่งความสั่นสะเทือน(vibration) ไปยังโครงสร้างของกระดูกในร่างกายด้วย
ซึ่งจากการศึกษาระบบโครงสร้างของร่างกาย เราพบว่ากระดูกที่มีลักษณะแบนในร่างกาย เช่น กระดูกสันหลัง,กระดูกซี่โครง, กระดูกหน้าอก,กระดูกเชิงกราน และส่วนปลายบนของกระดูกแขนและขา เป็นกระดูกที่มีไขกระดูกแดงที่ทำหน้าที่สร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง (รัชฎา แก่นสาร์ และคณะ,สรีรวิทยา, กรุงเทพฯ : ยุทธรินทร์ การพิมพ์, 2540.)
จากรูปเป็นภาพแสดงไขกระดูกแดงภายในกระดูก
จากรูปแสดงเซลในไขกระดูก ซึ่งเป็นแหล่งสะสมของธาตุเหล็กจำนวนมากในร่างกายเพื่อนำใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเม็ดเลือดแดง
จากภาพเซลในไขกระดูกขณะกำลังผลิตเม็ดเลือดแดง
ดังนั้นเมื่อจักระหรือต่อมไร้ท่อได้รับการส่งพลังแห่งการสั่นสะเทือนที่เลือกสรรอย่างเหมาะสมกับจักระหรือต่อมไร้ท่อนั้นแล้ว จักระหรือต่อมไร้ท่อนั้น ๆ จะมีการสั่นสะเทือนอย่างเหมาะสมและสมดุลย์ภายในจักระหรือต่อมไร้ท่อนั้น จากนั้นก็ส่งพลังการสั่นสะเทือนไปยังเซลประสาทและเส้นใยประสาทต่าง ๆ ที่มีการเชื่อมโยงอยู่กับกระดูกในร่างกาย โดยเฉพาะกระดูกรูปร่างแบนบริเวณกระดูกสันหลัง,กระดูกซี่โครง, กระดูกหน้าอก,กระดูกเชิงกราน และส่วนปลายบนของกระดูกแขนและขา ซึ่งกระดูกเหล่านั้นจะได้รับการสั่นสะเทือนด้วยซึ่งในสภาวะปกติจะไม่เกิดการสั่นสะเทือนแบบนี้ (รัชฎา แก่นสาร์และคณะ ,สรีรวิทยา : ยุทธรินทร์การพิมพ์,2540 .)
พลังแห่งการสั่นสะเทือนภายในที่เกิดขึ้นจากการได้รับพลังแห่งคลื่นเสียงที่เหมาะสมกระตุ้นต่อจักระหรือต่อมไร้ท่อต่าง ๆ ในร่างกาย หรือการฝึกสมาธิจิตตามแนวทางของวิชาโยคะสูตร ของท่านมหาโยคีปตัญชลี หรือการพัฒนาสมาธิจิตในรูปแบบอื่นที่มุ่งเน้นการฝึกเพ่งพลังจิตไปทั่วร่างกาย หรือวิชาลมปราณที่มุ่งชำระล้างไขกระดูก ของจีนพลังแห่งความสั่นสะเทือนภายในดังกล่าวมีผลต่อการจัดเรียงตัวของโมเลกุลของธาตุเหล็กที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในไขกระดูกธาตุ ตั้งแต่หัวจรดเท้า ซึ่งตามทฤษฎีวิทยาศาสตร์ในวิชาแม่เหล็กไฟฟ้ากล่าวว่า ในอนุภาคใดที่มีโมเลกุลแม่เหล็กอยู่เป็นจำนวนมาก ถ้าโมเลกุลของธาตุเหล็กในอนุภาคนั้นมีการเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบแล้ว จะส่งผลให้อนุภาคนั้นมีสภาวะแม่เหล็กไฟฟ้าเกิดขึ้น
ดังนั้นสภาวะแห่งพลังแห่งการสั่นสะเทือนภายในที่เกิดขึ้นในร่างกาย ก็ย่อมจะมีผลทำให้มีผลทำให้เกิดจัดเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบของโมเลกุลของธาตุเหล็กที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในไขกระดูกตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำให้ร่างกายของมนุษย์ผู้นั้นเปลี่ยนสภาพจากเดิม จากกายมนุษย์ธรรมดาไปสู่สภาวะกายแม่เหล็กชีวภาพ (Biomagnetic Body)
เมื่อร่างกายของมนุษย์เข้าสู่สภาวะกายแม่เหล็กชีวภาพ (Biomagnetic Body) แล้ว ร่างกายของเขานั้นจะถูกพัฒนายกระดับเพิ่มขึ้นจากมนุษย์ปกติ ทำให้มีความสามารถทางพลังแห่งสัมผัสพิเศษด้านพลังแห่งธรรมชาติเพิ่มเติมจากประสาทสัมผัสเดิมที่เขามีอยู่ ทำให้เขามีประสาทสัมผัสพิเศษรับรู้ สภาวะของแม่เหล็กไฟฟ้าของสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ตามธรรมชาติ เช่น ก้อนหิน ,แร่ธาตุ,ต้นไม้,ภูเขา,สถานที่ศักสิทธิ์ต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นในธรรมชาติก็อยู่ในสภาวะแม่เหล็กไฟฟ้าอยู่แล้ว แต่เนื่องจากร่างกายของมนุษย์ปกติไม่ได้ถูกพัฒนาให้อยู่ในสภาวะกายแม่เหล็กชีวภาพ ทำให้ไม่สามารถรับสัมผัสรู้ถึงพลังแห่งธรรมชาติที่อยู่รอบตัวของเขาได้ทำให้เขาผู้นั้นมีการพัฒนาศักยภาพมนุษย์ขึ้นไปอีกระดับหนึ่งทำให้มีประสาทสัมผัสที่ลึกล้ำกว่ามนุษย์ปกติ สามารถมีประสาทสัมผัสรับรู้ถึงพลังแห่งธรรมชาติที่มนุษย์ที่ยังไม่ถึงภาวะนี้สัมผัสไม่ได้ อันเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการเปิดประตูไปสู่ความเส้นทางแห่งการพัฒนาทางสมาธิ,จิตวิญญาณ,ปัญญาญาณและความคิดสร้างสรรค์ในระดับสูงส่งในระดับที่เรียกอภิมนุษย์
สำหรับผู้ที่ฝึกพัฒนาทางจิต เมื่อร่างกายของเขาถูกพัฒนาขึ้นอยู่ในสภาวะกายแม่เหล็กชีวภาพ (Biomagnetic Body) แล้ว เมื่อทำการพัฒนาวิชาพลังปราณโยคะต่อไปอย่างเข้มข้นตามแนวทางแห่งโยคะสูตร ของมหาโยคีปตัญชลีอย่างเข้มงวดแล้ว จะส่งผลทำให้สภาวะแห่งพลังของกายแม่เหล็กชีวภาพที่เกิดขึ้นแต่เดิมนั้นมีศักยภาพสูงมากยิ่งขึ้นทำให้เกิดสภาวะแม่เหล็กขึ้นในแกนกระดูกสันหลัง ทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของกระแสประสาทที่เป็นประจุลบจากกระดูกสันหลังก้นกบที่เป็นขั้วลบ มาที่สมองที่เป็นขั้วบวก ทำให้เป็นการเพิ่มศักยภาพของการเดินทางของกระแสประสาทในระบบประสาทส่วนกลางอันได้แก่ไขสันหลังและสมอง ทำให้เกิดพลังแห่งประจุลบและประจุบวกอย่างมหาศาลเกิดขึ้นในร่างกาย มีผลทำให้เกิดการเคลื่อนตัวของพลังของกระแสไฟฟ้าประสาทในร่างกายอย่างมหาศาล ที่ศาสตร์ทางโยคะเรียกว่าพลังกุณฑาลินี เดินทางจากกระดูกก้นกบไปสู่สมอง ซึ่งจะมีผลทำให้เป็นการพัฒนาศักยภาพกายและจิตตลอดจนพลังสมาธิของมนุษย์ผู้นั้นอย่างสูงส่งยิ่ง สภาวะที่เกิดขึ้นนี้ เรียกว่า สภาวะกายศักสิทธิ์ หรือ สภาวะแห่งพลังกุณฑาลินี เป็นสภาวะที่ปรารถนายิ่งสำหรับผู้ฝึกโยคะทุกคนที่มุ่งมั่นในการบรรลุธรรม ซึ่งมหาโยคีทุกคนต้องบรรลุสภาวะนี้
จะเห็นว่าเมื่อพลังแห่งกุณฑาลินี ซึ่งเป็นพลังแห่งกระแสประสาทได้เดินทางจากกระดูกก้นกบขึ้นสู่สมอง พลังดังกล่าวจะชำระล้างและยกระดับศักยภาพสมองและพลังแห่งสมาธิจิตให้กับ ผู้นั้นอย่างมหาศาล ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างสูงสุดต่อการพัฒนาศักยภาพกายและจิตของมนุษย์
บทที่ 3
ดนตรีสวรรค์เพื่อการพัฒนาจักระและสมาธิระดับสูง
ดนตรีสวรรค์เป็นดนตรีที่สร้างสรรโดยมาสเตอร์ทางโยคะในระดับสูง โดยมาสเตอร์เหล่านั้นเป็นผู้ที่มีความสามารถพิเศษทางด้านสมาธิจิต ได้ค้นคิดหาแนวทางเพื่อพัฒนาศักยภาพทางสมาธิจิตต่อสานุศิษย์ของตน จึงได้มีการผลิตดนตรีที่มีคลื่นเสียงต่าง ๆที่มีความสอดคล้องเหมาะสมต่อการกระตุ้นการพัฒนาของจักระต่าง ๆ ในร่างกาย ที่ให้คลื่นเสียงพิเศษออกมาที่เชื่อกันว่าจะสามารถมีอิทธิพลสูงต่อการพัฒนาพลังสมาธิจิตเป็นอย่างมาก ซึ่งในแต่ละศาสนาก็มีการผลิตดนตรีทางศาสนาออกมามีลักษณะต่าง ๆ กันตามแต่พื้นฐานของความเชื่อของแต่ละศาสนานั้น ๆ
ดนตรีสวรรค์เป็นดนตรีที่สร้างสรรโดยโยคะมาสเตอร์ ที่มีความสามารถพิเศษทางด้านสมาธิจิต โดยผลิตเป็นดนตรีที่ให้คลื่นเสียงเฉพาะซึ่งจะช่วยกระตุ้นการพัฒนาจิตเหนือสำนึก,พัฒนาศักยภาพสมอง,สมาธิและการทำงานของต่อมไร้ท่อในร่างกายได้เป็นอย่างดี
โครงสร้างของดนตรีสวรรค์ประกอบด้วย ดนตรีพัฒนาจิตเหนือสำนึกเพื่อเป็นการน้อมนำตนอธิษฐานต่อสิ่งศักสิทธ์เพื่ออำนวยพรให้การฝึกสมาธิดำเนินไปได้โดยความสำเร็จผลตามที่ได้ตั้งจิตปรารถนาไว้ และดนตรีพัฒนาจักระ เป็นดนตรีที่สร้างโดยโยคะมาสเตอร์ ที่มีความสามารถพิเศษทางโสตทิพย์ได้ฟังคลื่นเสียงของจักระทั้ง 7 ที่เกิดขึ้นในร่างกายและได้นำมาผลิตคลื่นเสียงที่มีความถี่ที่เหมาะสมซึ่งจะส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานของจักระนั้น ๆ โดยผลิตเป็นดนตรีที่ให้คลื่นเสียงเฉพาะเพื่อเพิ่มพัฒนาศักยภาพของต่อมไร้ท่อในร่างกาย ดังนั้นต่อมไร้ท่อต่าง ๆ เหล่านั้นซึ่งต่างก็ควบคุมการทำงานของอวัยวะภายในต่าง ๆ อยู่แล้ว ก็จะผลิตฮอร์โมนต่าง ๆ ออกมาอย่างเหมาะสมทำให้การทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ที่ต่อมไร้ท่อเหล่านั้นควบคุมอยู่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
สำหรับงานดนตรีกลุ่มนี้เป็นงานดนตรีของกลุ่มนักพัฒนาพลังจิตสายโยคะ ในเมืองไทยมีการนำเข้ามาจำหน่ายน้อยมาก จะต้องเดินทางไปซื้อยังต่างประเทศ เช่น ในอังกฤษ,สหรัฐอเมริกา ,เยอรมัน และราคาค่อนข้างแพงถึงแพงมาก และหายากมาก ผู้ผลิตจะมีศักยภาพในการสมาธิจิตสูงมาก ซึ่งดนตรีจะมีสไตล์ที่แผกพิเศษไม่เหมือนใคร
รายการซีดีดนตรีสวรรค์ (Heaven Music)
ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาศักยภาพมนุษย์ด้วยดนตรีและโยคะ
ลำดับ
|
ชื่อชุดดนตรี
|
ผู้แต่ง/ผู้ผลิต
|
1
|
Heaven Music Low Level
( สำหรับนักผู้ฝึกวิชาพลังจักรวาล,เด็กและผู้เริ่มต้นฝึกจิต)
|
ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาศักยภาพมนุษย์ด้วยดนตรีและโยคะ
|
2
|
Heaven Music Middle Level
( สำหรับผู้ฝึกวิชาพลังจักรวาลเด็กและผู้เริ่มต้นฝึกจิต)
|
ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาศักยภาพมนุษย์ด้วยดนตรีและโยคะ
|
3
|
Heaven Music High Level
( สำหรับผู้ฝึกวิชาพลังจักรวาลและผู้ต้องการพัฒนาสมาธิระดับสูง)
|
ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาศักยภาพมนุษย์ด้วยดนตรีและโยคะ
|
4
|
Super Heaven Music High Level
( สำหรับผู้ฝึกวิชาพลังจักรวาลและผู้ต้องการพัฒนาสมาธิระดับสูง)
|
ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาศักยภาพมนุษย์ด้วยดนตรีและโยคะ
|
5
|
ดนตรีพัฒนาจักระ 1
Muladhara Chakra
( สำหรับผู้ฝึกวิชาพลังจักรวาลและผู้ต้องการพัฒนาสมาธิระดับสูง)
|
ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาศักยภาพมนุษย์ด้วยดนตรีและโยคะ
|
6
|
ดนตรีพัฒนาจักระ 2
Svadhistana Chakra
( สำหรับผู้ฝึกวิชาพลังจักรวาลและผู้ต้องการพัฒนาสมาธิระดับสูง)
|
ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาศักยภาพมนุษย์ด้วยดนตรีและโยคะ
|
7
|
ดนตรีพัฒนาจักระ 3
Manipura Chakra
( สำหรับผู้ฝึกวิชาพลังจักรวาลและผู้ต้องการพัฒนาสมาธิระดับสูง)
|
ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาศักยภาพมนุษย์ด้วยดนตรีและโยคะ
|
8
|
ดนตรีพัฒนาจักระ 4
Anahata Chakra
( สำหรับผู้ฝึกวิชาพลังจักรวาลและผู้ต้องการพัฒนาสมาธิระดับสูง)
|
ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาศักยภาพมนุษย์ด้วยดนตรีและโยคะ
|
ลำดับ
|
ชื่อชุดดนตรี
|
ผู้แต่ง/ผู้ผลิต
|
9
|
ดนตรีพัฒนาจักระ 5
Vishuddhi Chakra
( สำหรับผู้ฝึกวิชาพลังจักรวาลและผู้ต้องการพัฒนาสมาธิระดับสูง)
|
ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาศักยภาพมนุษย์ด้วยดนตรีและโยคะ
|
10
|
ดนตรีพัฒนาจักระ 6
Ajana Chakra
( สำหรับผู้ฝึกวิชาพลังจักรวาลและผู้ต้องการพัฒนาสมาธิระดับสูง)
|
ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาศักยภาพมนุษย์ด้วยดนตรีและโยคะ
|
11
|
ดนตรีพัฒนาจักระ 7
Sahasrara Chakra
( สำหรับผู้ฝึกวิชาพลังจักรวาลและผู้ต้องการพัฒนาสมาธิระดับสูง)
|
ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาศักยภาพมนุษย์ด้วยดนตรีและโยคะ
|
12
|
Super Heaven Music I
( สำหรับผู้ฝึกวิชาพลังจักรวาลและผู้ต้องการพัฒนาสมาธิระดับสูง)
|
ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาศักยภาพมนุษย์ด้วยดนตรีและโยคะ
|
13
|
Super Heaven Music II
( สำหรับผู้ฝึกวิชาพลังจักรวาลและผู้ต้องการพัฒนาสมาธิระดับสูง)
|
ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาศักยภาพมนุษย์ด้วยดนตรีและโยคะ
|
14
|
|
|
15
|
|
|
16
|
|
|
17
|
|
|
18
|
|
|
19
|
|
|
20
|
|
|
21
|
|
|
22
|
|
|
23
|
|
|
24
|
|
|
25
|
|
|
26
|
|
|
|
|
|
27
|
|
|
28
|
|
|
29
|
|
|
30
|
|
|
31
|
|
|
32
|
|
|
33
|
|
|
34
|
|
|
27
|
|
|
28
|
|
|
29
|
|
|
30
|
|
|
31
|
|
|
แต่เนื่องจากว่าคลื่นเสียงจากดนตรีทั้งสองกลุ่มนี้มีพลังกระตุ้นต่อต่อมไร้ท่อหลายระดับ ตั้งแต่ระดับต้น ระดับปานกลาง และระดับสูงที่มีพลังงานกระตุ้นรุนแรงมาก ให้เลือกใช้ดนตรีให้เหมาะกับตน สำหรับแนวทางที่เหมาะสมการใช้ดนตรีประเภทนี้ต้องอยู่ในการควบคุมดูแลของผู้รู้ในด้านนี้เท่านั้น ถ้าซื้อหาเองนำไปใช้เองโดยไม่ได้รับการแนะนำจากมาสเตอร์ทางจักระที่ได้รับการศึกษาในเรื่องดนตรีพลังจักรามาก่อนอย่างลึกซึ้ง อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงบางประการได้ เปรียบเสมือนกับดนตรีชุดนี้เหมือนยาอันตราย มีคุณมากก็จริงแต่การใช้ต้องระมัดระวัง การใช้ต้องอยู่ในการควบคุมของแพทย์ ซึ่งในที่นี้ได้แก่มาสเตอร์ทางโยคะผู้มีความชำนาญในดนตรีประเภทนี้เท่านั้น ที่จะรับฟังดนตรีชุดนี้รับฟังได้ที่ห้องสมุดคลื่นเสียงหรือติดต่อกับผู้เขียนโดยตรง เพื่อที่จะได้แนะนำการใช้ได้อย่างถูกต้อง ผู้เขียนจึงจำเป็นต้องปกปิดชื่อซีดีดนตรีทางการค้าดังกล่าวเพื่อป้องกันปัญหาที่เป็น Side effect ที่อาจเกิดขึ้นได้ถ้าขาดความรู้ในการใช้
ผู้สนใจชุดซีดีกลุ่มดนตรีสวรรค์และดนตรีพัฒนาจักระ
ในรายการที่ระบุไว้ในหนังสือฉบันนี้
ทุกแผ่นราคาแผ่นละ 200 บาท
-----------------------------------------------------------------------------------
ติดต่อสั่งซื้อได้ที่อาจารย์อริยะ สุพรรณเภษัช
โรงเรียนถนอมพิศวิทยา
1808 ระหว่างซอยลาดพร้าว 62-64 ถ. ลาดพร้าว อ.วังทองหลาง กทมโทร 081-8033630 Fax 02-5394969
ธนาณัติ สั่งจ่าย ปณจ.ลาดพร้าว เพียงแห่งเดียว
หรือโอนเงินผ่าน ธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาโชคชัย 4 ซอย 22
บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 084-0-08542-7
เจ้าของบัญชี นายอริยะ สุพรรณเภษัช
**********************************************************************